นิตยสารออนไลน์ และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ กำลังถูกมองว่าเป็นทั้งทางเลือก รวมถึงทางรอดของสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลก เพราะจากพฤติกรรมผู้บริโภคกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่หันมาอ่านคอนเทนท์ทางออนไลน์มากขึ้น หลายคนแทบไม่แตะสื่อสิ่งพิมพ์เลย เนื่องจากความล่าช้าของข้อมูลในสื่อสิ่งพิมพ์ การต้องเสียเงินซื้อ ใช้เวลานานในการอ่าน และ ไม่สามารถมีส่วนร่วมอย่างการกดถูกใจ แชร์ หรือคอมเมนท์กับผู้อื่นได้ จากสื่อหลักที่เคยได้รับความนิยม มาวันนี้จึงตกลงมาเป็นสื่อรองที่สถานการณ์ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงต่อการหยุดให้บริการ
ปัจจัยดังกล่าวทำให้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีนิตยสารและหนังสือพิมพ์หลายหัวไปไม่รอดจนถึงขั้นต้องปิดลง ขณะที่บางหัวพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็น สื่อดิจิตอล แทน แต่ก็ยังทำไม่ถูกทาง จึงไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ทั้งนี้การก้าวจากสื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นกระดาษมาสู่สื่อออนไลน์บนหน้าจอต่างๆนั้น แม้ว่าจะลดภาระในเรื่องของต้นทุนการผลิตด้านการพิมพ์มาได้มากก็จริง แต่รายได้ก็ลดลงตามไปด้วย เนื่องจากสื่อออนไลน์ส่วนใหญ่จะต้องให้บริการแบบฟรีๆ น้อยเจ้าที่จะมีคนอ่านยอมเสียเงินซื้อ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่คนส่วนใหญ่ติดภาพว่าการอ่านคอนเทนท์ในโลกออนไลน์ควรจะไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่องทางการหารายได้จึงเหลือแค่การขายพื้นที่บนเว็บไซต์หรือในเนื้อหาซึ่งนอกจากราคาจะไม่ได้สูงเหมือนสื่อสิ่งพิมพ์แล้ว หากทราฟฟิกคนอ่านไม่มาก ก็ยากที่จะมีลูกค้ามาลงโฆษณา
ไม่นับเรื่องของคู่แข่งในโลกออนไลน์ที่มากกว่าโลกสิ่งพิมพ์หลายเท่า โดยแต่เดิมก็มีเว็บไซต์ที่ทำคอนเทน์วาไรตี้ไม่ว่าจะข่าวสารหรือบทความลงในโลกออนไลน์มากมายอยู่แล้ว ก็ยังมีเว็บไซต์คอนเทนท์ออนไลน์ที่เกิดใหม่เพิ่มขึ้นมาแทบจะเป็นรายวัน ซึ่งเว็บเหล่านี้มีข้อได้เปรียบคือมีทีมงานเล็กๆ ใช้ต้นทุนไม่สูง ต่างกับนิตยสารและหนังสือพิมพ์ที่ผันตัวมาทำออนไลน์ ที่นอกจากจะมีทีมงานใหญ่ คนเยอะ ยังมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของโปรดักชั่นในการทำคอนเทนท์อีก
ดังนั้น นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ที่อยากเปลี่ยนตัวเองมาเป็น digital media ต้อง การทำนิตยสารออนไลน์ หรือ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการลดขนาดของทีมลงให้มีความสมดุล ซึ่งทีมงานอาจจะต้องมีการรับคนรุ่นใหม่ที่มีเชี่ยวชาญด้าน สื่อดิจิตอล มาร่วมงานกับทีมงานเดิมเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กัน
ในส่วนของงานโปรดักชั่นนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ที่เปลี่ยนตัวเองมาอยู่บนโลกออนไลน์ต้องลดค่าใช้จ่ายด้านการทำคอนเทนท์ลงให้ได้ โดยที่คุณภาพของคอนเทนท์ต้องไม่ตํ่าลงกว่าเดิม โจทย์ข้อนี้อาจจะยากหน่อย แนะนำว่าให้ทีมงานพยายามใช้ประโยชน์จากมือถือสมาร์ทโฟนและโซเชี่ยลมีเดียให้มากที่สุด พร้อมตัดหรือลดการใช้งานอุปกรณ์สิ้นเปลืองอย่าง กล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ๆ , กล้องฟิล์ม , กล้องวีดีโอหนักๆ , ขาตั้ง , รีเฟล็ก , วิทยุสื่อสาร , ไมค์ , เครื่องอัดเทป และ จอมอนิเตอร์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันรูปแบบในการนำเสนอคอนเทนท์ก็ต้องเปลี่ยนไป คือคอนเทนท์ต้องมีความสดใหม่ อัพเดตทันสถานการณ์ เนื้อหาไม่จำเป็นต้องยาวมาก เน้นสรุปใจความให้เข้าใจได้ง่าย ใช้เวลาสั้นๆในการอ่าน ส่วนภาพและวีดีโอประกอบยังคงต้องมีความสวยงามอยู่ แต่อาจไม่ต้องปราณีตมากเหมือนกับการทำสื่อสิ่งพิมพ์
บางคนคาดการณ์กันว่าสื่อสิ่งพิมพ์จะตายในอีกไม่กี่ปี บางคนก็เห็นว่าน่าจะยังคงอยู่ไปได้อีก 5-10 ปี จุดนี้เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆคือความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนั้นมีความรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่ใครหลายคนคิดไว้ ซึ่งในโลกออนไลน์ใครที่ช้าหรือปรับตัวไม่ทันก็ต้องพ่ายแพ้ ถูกคัดออกไป
IH Digital คือ Digital Agency ที่มีประสบการณ์ในการทำ online marketing ให้กับแบรนด์สินค้าชื่อดังระดับโลกหลายแบรนด์ รวมถึงยังมีบริการ ทำเว็บไซต์ , ทำแอพพลิเคชั่น , ทำ SEO คอนเทนท์ , ทำคอนเทนท์บน Facebook และ ทำ นิตยสารออนไลน์ (ตัวอย่างด้านล่าง)
หากคุณสนใจเรื่อง การตลาดออนไลน์ อยู่ สามารถติดต่อเราได้เลยที่ https://www.ihdigital.co.th/sales-enquiry/