หากคุณเป็นนักการตลาด หรือมีความสนใจด้าน การตลาดออนไลน์ คุณคงเคยเห็นคำว่า Inbound Marketing ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้อย่างแน่นอน เพราะเอเจนซี่มากมาย ต่างโปรโมทบริการ ทำ Inbound Marketing กันเต็มไปหมด วันนี้ IH Digital จะมาอธิบายว่าการตลาดในรูปแบบนี้เป็นอย่างไร และมีข้อดีอะไรบ้าง หากอยากรู้ละก็ อ่านต่อได้เลย
Inbound Marketing (การตลาดแบบดึงดูด) กับ Outbound Marketing (การตลาดแบบผลักออก)
ก่อนที่เราจะรู้จักกับการตลาดแบบ Inbound คุณควรรู้จักการตลาดแบบดั้งเดิมอย่าง Outbound Marketing เสียก่อน การตลาดแบบผลักออกเป็นวิธีการที่เน้นการเข้าถึงผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยเน้นการซื้อพื้นที่โฆษณาผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์ไม่ว่าจะเป็นสื่อบน Facebook Youtube Google แบนเนอร์ บิลบอร์ด โฆษณาทีวี และอีกมากมาย เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์สินค้าพร้อมกับดักจับผู้มีความสนใจในตัวสินค้าและบริการอยู่แล้ว ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการเน้นผลักข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ไปให้กลุ่มเป้าหมายนั่นเอง แต่สำหรับการ ทำ Inbound Marketing นั้นจะเน้นดึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจ เข้าหาคอนเทนต์ ที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการ โดยผลิตคอนเทนต์บนความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ผ่าน การทำ SEO บนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในรูปแบบบทความ และพร้อมเสริมด้วย การทำคอนเทนต์ ให้ข้อมูลบน Social Media ในรูปแบบ Infographic วิดีโอ หรือการใช้แบบสอบถาม เป็นต้น เพื่อให้กลุ่มที่เป็นเป้าหมายเข้ามาติดตาม สร้างความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อแบรนด์ พร้อมกับเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเสนอขายสินค้าและบริการได้อย่างตรงจุดเมื่อเวลามาถึง!!
ขั้นตอนการ ทำ Inbound Marketing
สำหรับขั้นตอนการ ทำ Inbound Marketing มีลักษณะคล้ายกับ Branding โดยบางที่ก็เรียกการทำตลาดแบบดึงดูด ว่าเป็น New branding โดยวิธีการทำนั้นมีดังนี้
Credit: RakaCreative
-
Attract (ดึงดูด)
การทำ Inbound Marketing ต้องรู้ก่อนว่าลักษณะของสินค้าและบริการเป็นอย่างไร และคอนเทนต์ที่สามารถผูกกับสินค้าและบริการได้มีลักษณะแบบไหน หลังจากนั้นก็เริ่มต้นทำการดักจับกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นผ่าน Content Marketing ที่เป็นประโยชน์ผ่านช่องทางต่าง ๆ บนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง หรือ Social Media เพื่อเปลี่ยนจากกลุ่มลูกค้าจากคนแปลกหน้าเป็น Visitor (ผู้มาเยี่ยมเยือน)
-
Convert (เปลี่ยน)
เมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยือนจำนวนหนึ่งที่เริ่มเกิดความสนใจแล้ว แบรนด์ควรจะเริ่มกระตุ้นหรือสร้างความต้องการของผู้มาเยี่ยมเยือนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการกรอกแบบฟอร์มเพื่อรับข่าวสารแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากธุรกิจ การติดตั้งปุ่ม CTA เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ หรือการทำแบบสอบถาม โดยช่องทางเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้สำรวจความต้องการของลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย
-
Close (ปิดการขาย)
หลังจากเก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายมามากพอ ก็ถึงเวลาออกแบบข้อเสนอ หรือแพ็คเกจที่เหมาะสมกับลูกค้าเพื่อปิดการขาย โดยอ้างอิงจากข้อมูลของลูกค้าที่คุณมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะผ่านอีเมลหรือการติดต่อโดยตรงเพื่อเปลี่ยน Lead เป็น Customer พร้อมทำ CRM ควบคู่กันไปด้วย
-
Delight (ทำให้พึงพอใจ)
อย่าลืมละ หากคุณสามารถปิดการขายได้แล้ว ก็อย่าลืมถามลูกค้า เพื่อสอบถาม Feedback และข้อเสนอแนะอื่น ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ พร้อมกับมอบสาระดี ๆ ให้กับพวกเขา เพราะหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์ของคุณยั่งยืนได้ก็คือการบอกแบบปากต่อปาก และข้อติชมเหล่านั้นยังสามารถช่วยคุณพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
ข้อดีและข้อเสียของ Inbound Marketing
ข้อดี
- ลงทุนซื้อสื่อโฆษณาน้อยกว่า
- สามารถสร้างความรู้สึกแง่บวกให้กับกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
- สามารถเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าเพราะเป็นการสื่อสารสองทาง
- เน้นความแม่นยำโดยการเจาะคนที่มีความสนใจอยู่แล้วโดยตรง มากกว่าการทำ Outbound Marketing
- ไม่ทำให้กลุ่มเป้าหมายหงุดหงิดเวลาโฆษณาเข้ามาขัดจังหวะ
- มั่นคงมากกว่าในระยะยาว
ข้อเสีย
- สามารถสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้น้อยกว่าการทำ Outbound Marketing
- กินระยะเวลามากกว่าในด้านการดำเนินการ
ทำ Inbound Marketing กับ IH Digital
หากคุณไม่รู้ว่าจะผลิตคอนเทนต์ดี ๆ ได้อย่างไร คอนเทนต์และเทคนิคแบบไหนถึงเข้ากับแบรนด์ของคุณ จะเปลี่ยน Visitor เป็น Lead ทำอย่างไร ติดต่อ IH Digtial ได้เลยเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการ ทำ Digital Marketing การตลาด Social Media ในตลาดจีน เกาหลี และกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รอให้บริการคุณอยู่ เพียง คลิกที่นี่ ได้เลย