ในหนึ่งอาทิตย์เราหมดเวลาไปกับการทำงานกว่า 40 ชั่วโมง แต่หากลองนึกดูดี ๆ เราทำงานกันจริง ๆ ซักกี่ชั่วโมงเชียว แน่นอนว่าในแต่ละวันเราต้องเจอกับสิ่งรบกวนรอบด้านไม่ว่าจะเป็น การใช้เวลาตอบอีเมล์, การเข้าประชุมที่ไม่จำเป็น, การนั่งอัพเดตสเตตัสผ่าน Facebook มาเรียนรู้ 7 วิธีที่จะช่วยหยุดพฤติกรรมที่ทำให้เราต้องเสียเวลาไปเปล่า ๆ เพื่อให้การทำงานของเราเกิด ประสิทธิภาพ สูงสุดกันดีกว่า
1. วางแผนว่าในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง
เคยมั้ยไปทำงานแต่ก็โดนคนนั้น คนนี้ กวนให้ไปช่วยงานอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานตัวเองตลอด ปัญหานี้จะหมดไปหากเรามีการวางแผนก่อนเริ่มทำงานว่าในหนี่งวันเราต้องทำงานอะไรให้เสร็จบ้าง เราจะได้มีสมาธิกับสิ่งที่อยู่บนลิสต์แทนที่ต้องคอยมานั่งกังวลว่าเราทำงานอะไรเสร็จไปแล้วบ้าง นอกจากการวางแผนการทำงานของตัวเองที่ดีแล้วต้องรู้จักปฎิเสธคนอื่นด้วย อย่าเอางานของคนอื่นมาทำให้ตัวเองปวดหัว
2. ลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ
อยากทำงานให้เกิด ประสิทธิภาพ สูงสุดก็ต้องรู้จักลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ แยกแยะระหว่าง งานสำคัญ กับงานไม่สำคัญ ออกจากกัน จัดการกับงานที่เราคิดว่าสำคัญก่อน ส่วนเรื่องที่ไม่สำคัญเช่นการเช็คอีเมล์ส่วนตัวหรือเช็คสเตตัส บน Facebook ค่อยมาทำช่วงพักเที่ยงก็ได้ หรือไม่ก็ให้เวลาพักเบรกกับตัวเองซัก 10 นาทีในแต่ละวัน เพียงเท่านี้ก็ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้แล้ว
3. กำจัดสิ่งรบกวน
สิ่งรบกวนในระหว่างที่เราทำงานมีอะไรบ้าง ก็อย่างเช่น เกมส์ที่เราค้างไว้และยังเล่นไม่เสร็จตั้งแต่อยู่บนบีทีเอสเมื่อเช้า, social media แพลตฟอร์มต่าง ๆ, หรือจะเป็นเสียงเพลงจากเพื่อนทำงานโต๊ะข้าง ๆ แล้วเราจะกำจัดสิ่งที่คอยมากวนสมาธิของเราได้ยังไง อาจจะลองปิดมือถือ แล้วค่อยเปิดเปิดใหม่ ดูก็ได้ ควรคำนึงอยู่เสมอว่าทุกวินาทีที่คุณใช้ในการเล่น Facebook ในที่ทำงานนั้นนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับตัวคุณเลย แต่มันกลับยิ่งผลักให้คุณห่างไกลออกไปจากจุดมุ่งหมายในการทำงาน ดีไม่ดีเสี่ยงโดนนายเดินมาเห็น ถึงตอนนั้นก็กลับไปแก้อะไรไม่ทันนะ
4. แจกจ่ายงานให้คนในทีม
การแจกจ่ายงานเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณไว้ใจเพื่อนร่วมงานและคุณมั่นใจว่าเพื่อนในทีมของคุณจะทำงานชิ้นนั้นออกมาได้ดี คุณควรจะรู้ดีว่ามันเป็นไปได้ยากที่คนเพียงคนเดียวจะทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากจะทำหลายอย่างแล้วยังต้องทำออกมาให้ดีอีกด้วย การแจกจ่ายงานเพื่อให้ทุกคนทำโปรเจ็คนั้นไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน จะทำให้งานชิ้นนั้นออกมาดีกว่าที่คาดเอาไว้มาก
5. จัดการกับปัญหาส่วนตัวและอารมณ์ของตัวเอง
ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าโลกนี่ช่างสวยงามเหลือเกิน ทุก ๆ วันมีความต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการกับสิ่งที่เราต้องเจอในแต่ละวันยังไง เวลาเราเจอลูกค้าเหวี่ยงใส่เราควรเลือกที่จะหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ พูดจากับลูกค้า แทนที่จะระเบิดอารมณ์ใส่ลูกค้าแล้วต่อยไม่ยั้ง พยายามคิดในแง่บวกเวลาเจอเรื่องร้าย ๆ อาจจะลองนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนมาทำงานเผื่อหัวจะได้โล่งบ้าง
6. ให้ความสำคัญเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้เท่ากัน
ความเครียดสะสมเป็นตัวบ่อนทำลายความมี ประสิทธิภาพ ของคนเรา ดังนั้นอย่ามัวแต่ทำงาน หาเวลาไปรีแล็กซ์บ้าง ให้เวลากับเพื่อน กับครอบครัว และการพักผ่อน อย่างเต็มที่เหมือนเวลาที่เราทำงาน อย่าทำงานเยอะจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าทำงานน้อยจนเกินไป เพราะถ้าเรามีงานให้ทำน้อยเราก็อาจจะไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไร จนถึงขั้นเบื่อหรือขี้เกียจไปเลยก็ได้ สิ่งสำคัญที่อยากให้คิดถึงก็คือ ให้ความสำคัญกับเพื่อนและครอบครัวให้มาก เพราะงานจะทิ้งคุณไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เพื่อน และครอบครัว จะคอยสนับสนุนคุณอยู่เสมอ
7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การได้นอนอิ่มซักตื่นหนึ่งสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของสมองเราได้เลย ควรใช้เวลาในการนอน 6-9 ชั่วโมง ต่อคืน หากได้นอนอย่างเพียงพอแล้ว ตื่นมาเราก็จะสดใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาใหม่ ๆ ที่เราต้องเจอในวันนั้น