ในช่วงที่ผ่านมาการ เปิดร้านค้าออนไลน์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนหลายร้อยล้านคนได้กลายเป็นนักช้อปออนไลน์กันอย่างเต็มตัวแล้ว และ สิ่งนี้ก็ส่งผลให้อัตราการใช้งานอีคอมเมิร์ซมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นด้วย จนส่งผลให้อุตสาหกรรมค้าปลีกออนไลน์กลายเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง
วันนี้ IH Digital ขอนำเสนอบทความที่มีข้อมูลครบครัน พร้อมช่วยเหลือคุณในการ เลือกเปิดร้าน บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ อย่ารอช้า! เราไปดูกันเลย
เลือก เปิดร้านค้าออนไลน์ บนแพลตฟอร์มไหนดี?
หากคุณต้องการจะเปิดร้านขายของบนโลกออนไลน์ ก่อนอื่นสิ่งสำคัญที่คุณต้องทราบเลยก็คือ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด ซึ่งเราก็ได้คัดมาให้คุณแล้วทั้งหมด 11 แพลตฟอร์ม ดังนี้:
Shopify
- เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเปิดร้านแบบเป็นเว็บไซต์ของตัวเอง สามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
Lazada
- เป็นแพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้จำนวนมาก มีความน่าเชื่อถือสูง และ ได้รับความนิยม
Shopee
- ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นในการเริ่มต้นด้วยต้นทุนต่ำ มีความน่าเชื่อถือสูง และ ได้รับความนิยม
LINE MyShop
- ใช้งานง่าย สะดวก เหมาะกับลูกค้าคนไทยที่ต้องการซื้อของผ่าน LINE
Wix
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีความรอบด้านที่สุด สามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย
BigCommerce
- เหมาะสำหรับผู้ขายที่ต้องการขายสินค้าแต่ละครั้งในปริมาณมาก ๆ
Squarespace
- ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านค้าที่มีเทมเพลตสวยงาม, หลากหลาย, และ คุณภาพสูง
Square
- เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ขายที่อยากขายของทั้งแบบบนโลกออนไลน์ และ แบบตัวต่อตัว
Magento
- แพลตฟอร์มนี้มีความยืดหยุ่น ให้อิสระอย่างเต็มที่กับผู้ขาย
WooCommerce
- ดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ WordPress เป็นของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
Volusion
- เป็นแพลตฟอร์มที่มีคุณสมบัติการวิเคราะห์ข้อมูลที่โดดเด่นเป็นเลิศ
4 แพลตฟอร์ม เปิดร้านค้าออนไลน์ ที่ IH Digital ขอแนะนำ
ถ้าหากคุณยังลังเลอยู่ ว่าจะเลือกแพลตฟอร์มไหนดีถึงจะเหมาะสม เราก็ขอทำการเจาะลึกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำจำนวนทั้งหมด 4 แพลตฟอร์มที่เราภูมิใจนำเสนอมาก ๆ ซึ่งได้แก่ Shopify, Lazada, Shopee, และ LINE MyShop เพื่อให้คุณได้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบการตัดสินใจในอนาคต
1. Shopify: โซลูชันแบบครบวงจรสำหรับเจ้าของธุรกิจ
Shopify เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุดในขณะนี้ สามารถช่วยให้ ผู้ประกอบการ และ ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ดำเนินการจัดตั้งเว็บไซต์ร้านค้าอีคอมเมิร์ซของแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว หากคุณต้องการร้านค้าอีคอมเมิร์ซในรูปแบบเว็บไซต์ที่คุณสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์จากระบบหลังบ้าน ตั้งแต่ การออกแบบหน้าร้าน ไปจนถึง การตลาดคอนเทนต์ และ วิเคราะห์ประสิทธิภาพร้านค้า เราขอแนะนำให้คุณใช้ Shopify เลย
ต่อไปนี่คือ ข้อดี และ ข้อเสีย หลัก ๆ ที่เราคาดว่าคุณจะได้พบเจอหากคุณเลือกใช้งาน Shopify:
ข้อดี:
- มีคุณสมบัติการขายที่น่าประทับใจ
- รองรับการขายหลายช่องทาง เช่น Facebook shop, Instagram shop, Google shopping
- สามารถปรับแต่ง ธีม และ เลย์เอาต์ ได้ง่าย
- จัดตั้งร้านได้ ง่าย และ รวดเร็ว
ข้อเสีย:
- มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
- อาจมีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำร้านค้าออนไลน์ใหม่ ๆ
- ไม่รองรับสกุลเงินระหว่างประเทศหากไม่มีแอปของบุคคลที่สามมาช่วยแปลง
2. Lazada: แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Lazada เป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้เยี่ยมเข้าชมสินค้ากว่า 137 ล้านคนต่อเดือน แต่ด้วยความที่ Lazada เป็นแพลตฟอร์มของบริษัท Alibaba นั่นหมายความว่าคุณจะต้องแข่งขันกับสินค้าจีนที่อาจจะมีราคาถูกกว่า อย่างไรก็ตามหากแบรนด์ของคุณนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และ ไม่ซ้ำใคร พร้อมที่จะลงตลาดแข่งขัน แพลตฟอร์มนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีฐานผู้ใช้จำนวนมากรอใช้บริการสินค้าของคุณอยู่
ต่อไปนี้เป็นจุดสำคัญบางประการที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อตัดสินใจเลือกใช้ Lazada:
ข้อดี:
- มีระบบให้ความช่วยเหลือในการจัดส่งสินค้าภายจากบริษัท ที่สะดวกง่ายดาย
- ฐานผู้ใช้ของ Lazada มีขนาดใหญ่
ข้อเสีย:
- ต้องการแข่งขันกับสินค้าจีน ซึ่งมีระดับการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
- ค่าธรรมเนียมตลาดที่มีราคาแพงกว่า และ ค่าธรรมเนียมการชำระเงินที่มาพร้อมกับการขายแต่ละครั้ง
3. Shopee: ตัวเลือกที่มีโอกาสสูง ห้ามมองข้ามเด็ดขาด
Shopee มีตลาดที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับ Lazada แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงขายของบน Shopee คือแพลตฟอร์มนี้ไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่น ซึ่งแตกต่างจาก Lazada ที่คุณจะต้องจ่าย ค่าคอมมิชชัน และ ค่าธรรมเนียมการชำระเงินต่อคำสั่งซื้อ ตัว Shopee เป็นแพลตฟอร์มที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นขายออนไลน์ด้วยต้นทุนที่ต่ำ แต่ต้องการโอกาสสร้างรายได้มหาศาล
สำหรับสิ่งสำคัญที่เราคิดว่าจำเป็นต้องจำไว้ให้ขึ้นใจหากเลือกลงขายกับ Shopee มีดังนี้:
ข้อดี:
- ทำการขายได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- มีโค้ดบริการจัดส่งฟรี
ข้อเสีย:
- เป็นตลาดที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับตลาดของ Lazada
4. LINE MyShop: เปิดร้านค้าออนไลน์ บนแอปแชทยอดนิยมของคนไทย ถูกใจใช่เลย
ฟีเจอร์หลังบ้านตัวใหม่จาก LINE ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำอีคอมเมิร์ซให้กับทั้ง แบรนด์ธุรกิจร้านค้า และ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อย ด้วยเครื่องมือที่ครบครัน แบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม สามารถเริ่มต้นกันได้ง่าย ๆ เพียงแค่เชื่อมต่อด้วย LINE OA (LINE Official Account) เท่านั้น
สำหรับสิ่งสำคัญที่เราคิดว่าจำเป็นต้องจำไว้ให้ขึ้นใจหากเลือกลงขายกับ Shopee มีดังนี้:
ข้อดี:
- ใช้เเค่เพียง LINE OA ก็สามารถเริ่มเปิดร้านได้เเล้ว
- รองรับการชำระเงินด้วย การโอนจ่าย, บัตรเครดิต, Rabbit Line Pay, และ เรียกเก็บเงินปลายทาง
- เหมาะกับคนไทยที่ต้องการช้อปปิ้งผ่านไลน์
ข้อเสีย:
- เป็นแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างใหม่
- ตัวร้านค้าค้นพบค่อนข้างยาก
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ธุรกิจ E-Commerce:
- ส่องตลาด E-Commerce ในไทย เป็นอย่างไรกันบ้าง?
- แนะนำ Shopify สร้างเว็บไซต์ E-Commerce ของตัวเองได้ง่ายสุด ๆ
- LINE MyShop : ฟีเจอร์ การซื้อขายของออนไลน์ ด้วย LINE OA
- ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยคำแนะนำ 5 ข้อ จาก IH Digital
- 3 สินค้าขายดีบน Shopify ยอดขาย E-Commerce คือปังมากบอกเลย!
พร้อมเปิดร้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ยอดขายพุ่งกระฉูดหรือยัง?
ตอนนี้แหละ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว สำหรับการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยความช่วยเหลือจากขุมพลังอันแสนยอดเยี่ยมของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้ง Shopify, Shopee, Lazada, LINE MyShop และ อื่น ๆ อีกมากมาย คุณก็สามารถมีร้านค้าสุดเจ๋ง สำหรับขายสินค้าออนไลน์ของคุณเองได้แล้ว ไม่ว่าแบรนด์ของคุณจะเป็นธุรกิจประเภทใดก็ตาม จะเป็นแบรนด์ ความงาม & เครื่องสำอาง, เครื่องใช้ไฟฟ้า, แฟชั่น, อาหาร & เครื่องดื่ม, หรือ ของตกแต่งบ้าน ก็ตั้งร้านกันได้หมด!
ที่ IH Digital เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการทำอีคอมเมิร์ซอยู่มากมายหลายชีวิต ทำให้เรามีความสามารถในการช่วยสนับสนุนคุณ วางแผนกลยุทธ์ และ เปิดร้านอีคอมเมิร์ซ บนแพลตฟอร์มทั้งหลายแหล่อย่างง่ายดาย พร้อมขยายตลาด เพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์คุณ ไปทั่วทั้งภูมิภาค ติดต่อเราเลย
ติดต่อเรา
เกี่ยวกับ IH Digital
IH Digital คือ ดิจิทัลเอเจนซี่ ที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้าน สามารถสร้าง ความเรียบง่าย และ ยืดหยุ่น ให้กับความต้องการด้าน การตลาด ของลูกค้าทั่วเอเชีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล มากกว่า 80 คนในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น
เรามุ่งเน้นไปที่การตลาดดิจิทัลในทวีปเอเชีย พร้อมให้บริการ วางแผน, ให้คำปรึกษา, ออกแบบ, ดูแลโซเชียลมีเดีย, ซื้อสื่อโฆษณา, พัฒนาเว็บไซต์, และ SEM & SEO โดยมีทีมงานมากประสบการณ์คอยสนับสนุนคุณ ไม่ว่าจะเป็น ทีมบริหารจัดการดูเเลบัญชี, ทีมสร้างคอนเทนต์, ทีมโซเชียลมีเดีย, ทีมวางแผน & ซื้อสื่อโฆษณา, นักพัฒนาเว็บไซต์, และ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือค้นหา ทุกคนในทีมของเราสามารถช่วยคุณกำจัดปัญหาความยุ่งยากในการ วางแผน และ ดำเนินการ ทำการตลาดออนไลน์ บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในหลากหลายภาษา
IH Digital เป็นสมาชิกของ Digital 38 Group.